การวิเคราะห์และการออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE MODEL
การวิเคราะห์และการออกแบบการใช้สื่อ
ตามหลักของ ASSURE MODEL
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
เรื่อง การบันทึกรายรับรายจ่าย
สาระสำคัญ : การเขียนบันทึกรายรับ-รายจ่าย ลงในตารางให้เป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้อ่านรายรับ-รายจ่ายได้สะดวกและชัดเจนขึ้น
(1). การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน ( Analyze Leaner Characteristics )
โรงเรียนในอุดมคติ(ชื่อสมมติ) เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 นักเรียนยังไม่ให้ความสำคัญกับการบันทึกรายรับ-รายจ่ายในแต่ละวัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ได้อย่างเหมาะสม จะได้สามารถมองเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง รู้จักการใช้เงินอย่างคุ้มค่า และสามารถแก้ไขพฤติกรรมการใช้เงินที่ไม่เหมาะสมของตนเองได้
ลักษณะทั่วไป : ผู้เรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นวัยที่เริ่มใช้จ่าย โดยอาศัยเงินของผู้ปกครอง ดังนั้นถ้าได้รับการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายในแต่ละวัน จะทำให้เห็นว่าตนเองนั้นใช้จ่ายเงินไปจำนวนเท่าใดในแต่ละวัน เหลือเท่าไหร่ ควรประหยัด หรือควรเก็บออมจากเงินเหลือใช้อย่างไร เป็นการฝึกคำนวณตัวเลข และสร้างนิสัยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย
ลักษณะเฉพาะ :
1. ความสามารถในการคิด ได้แก่ ทักษะการคำนวณ , ทักษะการคิดวิเคราะห์ , ทักษะการคิดสร้างสรรค์
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
(2). การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objectives )
ด้านพุทธพิสัย
- ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบันทึกรายรับ-รายจ่าย
- ผู้เรียนสามารถบอกส่วนประกอบที่สำคัญของการบันทึกรายรับ-รายจ่ายได้
ด้านจิตพิสัย
- ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาเรียน
- ผู้เรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์
- ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ด้านทักษะพิสัย
- ผู้เรียนสามารถเขียนบันทึกรายรับ-รายจ่ายได้อย่างถูกต้อง
(3). การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่ ( Select, Modify, of Design Materials )
1. การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
- หนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ป.4
- แบบฝึกหัด คณิตศาสตร์ ป.4
- ใบงานที่ 2.1 เรื่อง บันทึกรายรับ-รายจ่าย
- คอมพิวเตอร์
- เครื่องฉายโปรเจคเตอร์
2. การปรับปรุง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
นำเนื้อหาการสอนมาโยงความสัมพันธ์เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ โดยนำคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ในห้องเรียนเพื่อฉายวิธีการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายให้ผู้เรียนได้ดูและอธิบายตามตัวอย่าง จะทำให้ผู้เรียนสนใจมากกว่าการอธิบายตามหนังสือ
3. การออกแบบสื่อใหม่
ยกตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม Excel ในการจัดทำการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยให้นักเรียนเขียนตามทีละขั้น ตั้งแต่การวาดตาราง ส่วนประกอบที่สำคัญของการบันทึกรายรับ-รายจ่าย จนไปถึงการคำนวณ ในเบื้องต้นจะมีการคำนวณอย่างง่ายคือ บวก ลบ คูณ หาร เท่านั้น โดยตารางสามารถตกแต่งสีได้ตามใจชอบ เป็นการสร้างความสนใจให้กับผู้เรียนอีกด้วย (ใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ในห้องเรียนเพื่อฉายให้ผู้เรียนได้ดู และทำตามอย่างเข้าใจทั่วถึงและชัดเจน)
(4). การใช้สื่อ ( Utilize Materials )
- เตรียมความพร้อมโดยการหัดใช้สื่อ
- ก่อนที่จะสอนนำเข้าสู่บทเรียน แนะนำบทเรียนที่จะสอนเบื้องต้น เพื่อเชื่อมโยงไปยังบทเรียนที่จะสอนในคาบนี้แก่ผู้เรียนเพื่อเตรียมพร้อมผู้เรียน และเป็นการกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนด้วย
โดยครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันของนักเรียน ดังนี้
- นักเรียนใช้จ่ายเงินแต่ละวันกี่บาท และมีเงินเหลือจากค่าใช้จ่ายหรือไม่
- นักเรียนเคยจดบันทึกการใช้เงินของนักเรียนบ้างหรือไม่
- การจดบันทึกการใช้จ่ายเงินในแต่ละวัน นักเรียนคิดว่ามีประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
- ขั้นสอน / ควบคุมชั้นเรียน
- ขั้นสรุป โดยสรุปเป็นประเด็นที่สำคัญที่ได้สอนไปในคาบนี้ และเกริ่นเรื่องที่จะเรียนต่อไปในคาบหน้า
(5). การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน ( Require Learner Response )
ในการสอนแต่ละครั้งผู้สอนจะมีกิจกรรมเสริมเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เช่น ให้นักเรียนดูตัวอย่างบันทึกรายรับ-รายจ่าย จากหนังสือเรียน แล้วร่วมกันอภิปรายถึงวิธีการแยกรายรับ-รายจ่าย การบันทึก และเงินคงเหลือ แล้วตอบคำถาม ดังนี้
- บันทึกนี้เป็นของใคร (นักเรียน ชั้น ป.4/1)
- บันทึกนี้จัดทำเมื่อใด (วันที่ 4 ถึง 8 มกราคม พ.ศ. 2553)
- นักเรียน ชั้น ป.4/1 มีรายรับจากไหนบ้าง (เก็บเงินจากนักเรียน และเก็บเงินเพิ่มอีกคนละ 1 บาท)
- นักเรียน ชั้น ป.4/1 มีรายจ่ายอะไรบ้าง (ซื้อกระดาษ ซื้อรูปภาพและของขวัญ ซื้อริบบิ้นและอุปกรณ์เล่นเกม ซื้อน้ำหวานเลี้ยงนักเรียน)
- เงินคงเหลือมีวิธีการคิดอย่างไร (คิดยอดเงินคงเหลือทีละรายการ คือ
รายการที่ 1 เงินคงเหลือ 200.00 บาท
รายการที่ 2 เงินคงเหลือ 200.00 – 42.50 = 157.50 บาท
รายการที่ 3 เงินคงเหลือ 157.50 – 78.50 = 79.00 บาท
รายการที่ 4 เงินคงเหลือ 79.00 + 40.00 = 119.00 บาท
รายการที่ 5 เงินคงเหลือ 119.00 – 72.75 = 46.25 บาท
รายการที่ 6 เงินคงเหลือ 46.25 – 25.00 = 21.25 บาท เป็นต้น
เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากที่สุดอีกด้วย ผู้สอนก็จะต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแต่ละคนว่าคนใดที่มีความเข้าใจในบทเรียนและคนใดที่ยังไม่เข้าใจอยู่ก็พยายามเสริมอีกทางหนึ่งด้วยเพื่อให้เข้าใจได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
(6). การประเมิน ( Evaluation )
1. การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน
ผู้สอนจะประเมินจากแบบฝึกหัด แบบทดสอบและการสังเกตความสนใจของผู้เรียนว่ามีความสนใจ ตั้งใจ ใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีวินัยในตนเอง มีจิตสาธารณะ และเห็นคุณค่าของวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบันทึกรายรับรายจ่ายเพียงใด และให้ความร่วมมือกับครูผู้สอน และเพื่อนๆมากน้อยเพียงใด
2. การประเมินสื่อและวิธีการสอน
ประเมินกระบวนการการใช้สื่อ เพื่อดูว่าการใช้สื่อในแต่ละขั้นตอนประสบปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง มีสาเหตุมาจากอะไรและมีการเตรียมการป้องกันไว้หรือไม่ เช่น ผู้เรียนได้ยินเสียงของสื่ออย่างชัดเจนทั่วถึงหรือไม่ ภาพมีขนาดใหญ่เพียงพอ ที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากตำแหน่งที่นั่งของผู้เรียนทุกคนหรือไม่ ทั้งนี้การประเมินผลที่ได้จากการใช้สื่อและวิธีสอน เป็นผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนโดยตรงว่า เมื่อเรียนแล้วผู้เรียนสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ตั้งไว้หรือไม่ และผลที่ได้นั้นเป็นไปตามเกณฑ์หรือต่ำกว่าเกณฑ์
3. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
- ทำแบบฝึกหัด คณิตศาสตร์ ป.4
- ทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง บันทึกรายรับ-รายจ่าย
- ทำแบบทดสอบกลางภาค และ ปลายภาค
จากรูปแบบจำลอง The ASSURE model จะเน้นถึงการวางแผนการใช้สื่ออย่างเป็นระบบในสภาพของห้องเรียนจริง เพื่อให้ผู้สอนสามารถนำรูปแบบจำลองนี้ มาใช้วางแผนการสอนได้อย่างมีประสิทธิผล ถ้าหากผู้สอนสามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการได้ถูกต้องทุกขั้นตอนจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น